บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

อยากแก่ช้า ทำอย่างไรดี




คนเราทุกคนไม่อยากจะแก่ก่อนวัย หรือแก่เสมอวัยของตนเองกันทั้งนั้น  ใครที่ได้รับคำชมว่าหน้าอ่อนกว่าวัย จะรู้สึกยินดีปรีดาเป็นที่สุด

ผมเองเป็นคนที่ดูอ่อนกว่าวัยมาตลอด  ทั้งๆ ที่ไม่เคยดูแลตัวเองอย่างที่บทความทั้งหลายแนะนำ

จำได้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นอายุกำลังเรียนปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์ ที่ภาควิชาภาษาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์

ปีที่ผมเรียนนั้น ใครสอบได้ปริญญาโทปุ๊บ ก็ต้องเรียนปรับพื้นฐานวิชาภาษาศาสตร์เลย  จำได้ว่า เป็นปีที่เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เพราะ ได้ไปประท้วงกับเขาด้วย

ในการเรียนปรับพื้นฐานวิชาทางภาษาศาสตร์นั้น ต้องเรียนปนกับนักศึกษาปริญญาตรี  ที่เซ็นชื่อมันจะมี 2 แฟ้ม  แฟ้มหนึ่งของปริญญาตรี  แฟ้มหนึ่งของปริญญาโท

วันที่เกิดเหตุนั้น  อาจารย์เข้าห้องแล้ว ผมเข้าห้องหลังอาจารย์ มาสายว่าอย่างนั้นเถอะ ผมก็เดินรี่ไปเปิดแฟ้มปริญญาโท สายตาก็มองหาตำแหน่งที่จะต้องเซ็นชื่อ

อาจารย์ผู้สอนตีมือผมดังพั้วะ  แล้วบอกว่า “ของเธอแฟ้มนี้” แล้วก็ชี้ไปที่แฟ้มปริญญาตรี  ผมก็มองหน้าอาจารย์แล้ว ค่อยๆ บอกว่า “อาจารย์ครับ ผมเรียนปริญญาโทครับ” 

คิดดูเอาเองว่า หน้าอ่อนขนาดไหนในตอนนั้น  อย่ามาเปรียบเทียบตอนนี้

พอดีได้อ่านบทความของ นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ผู้อำนวยการด้านแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เรื่อง 6 อ.ชะลอวัย  ซึ่งมีเนื้อหา ดังนี้

อ. ที่ 1 อาศัยอยู่แบบไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

ถึงแม้ธรรมชาติจะกำหนดวิถีการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมกับกลไกการทำงานของระบบร่างกายมนุษย์ แต่ความเร่งรีบในปัจจุบัน สร้างเงื่อนไขให้คนเราต้องงดอาหารเช้า ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย และนอนดึก

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนสร้างผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกายให้ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติและก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ

ทางแก้ไขที่ถูกต้องและง่ายที่สุด คือ การกลับคืนสู่วิถีทางของธรรมชาติ ด้วยความตั้งใจและการมีวินัยในการดำรงชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง

อ. ที่ 2 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

เพียงแค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งๆ ละ 30-60 นาที โดยการออกกำลังกายใน 1 ครั้ง จะต้องประกอบไปด้วยการออกกำลังกายในส่วนของคาร์ดิโอ หรือการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ

การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน และการสร้างสมดุลในการทรงตัว

ปิดท้ายด้วยการยืดเหยียดเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย

อ. ที่ 3 แอนตี้ความชรา

ทุกคนต้องแก่!! แต่เราก็สามารถชะลอได้!! โดยต้องไม่งดอาหารเช้า ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

และความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบันจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการชะลอความชราได้

อ. ที่ 4 เอาน้ำหนักส่วนเกินออก

คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ สูงกว่าผู้ที่มีน้ำหนักในระดับมาตรฐาน

การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน คือ การเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอาหารและสุขนิสัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

อ. ที่ 5 อาหารดี สุขภาพดี

เคล็ดลับง่ายๆ คือ แบ่งอาหารให้เป็นมื้อย่อยๆ ประมาณ 5 มื้อต่อวัน เพิ่มการกินผักและผลไม้ อย่าตัดอาหารประเภทไขมันออกกจากมื้ออาหาร เลือกกินไขมันประเภทดี

กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ต่อมื้อ และกินอาหารเสริมเฉพาะที่เหมาะสมกับสภาพความต้องการของร่างกายเท่านั้น

อ. สุดท้าย อ่อนเยาว์ด้วยฮอร์โมนที่สมดุล

ฮอร์โมนเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อระบบการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น Growth Hormone ที่ควบคุมความอ่อนเยาว์ และชะลอความชรา

หากคุณต้องการคงความอ่อนเยาว์และสุขภาพดีไว้กับคุณให้ยาวนาน ลองศึกษาข้อมูลและเรียนรู้วิธีการสมดุลฮอร์โมนและป้องกันภาวะการขาดความสมดุลของระดับฮอร์โมนได้

ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้ง 6 อ. นั่น เป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แถมยังได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่านั่น

คือ การมีอายุที่ยืนยาว, การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานปกติ, ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์, มีระบบความจำที่ดีเยี่ยม, สุขภาพจิตดี, สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระไร้ข้อจำกัดทางสุขภาพ

และที่สำคัญสามารถลดภาระค่ารักษาพยาบาลทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้อีกด้วย

ประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง ที่บทความนี้ ไม่ได้พูดถึงเลยก็คือ Aging  พูดในภาคภาษาไทยก็คือ ทำไมเราจึงแก่

ตอนที่เรียนอยู่อังกฤษ ได้ดูสารคดีที่มีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี เท่าที่จำได้เป็นสารคดีของ BBC  คำตอบก็คือ ที่เราแก่กันก็เพราะ ออกซิเจน

เมื่อเริ่มเกิดโลกใหม่ๆ นั้น  ออกซิเจนเป็นผลเสียต่อชีวิตมนุษย์  ต่อมาก็อย่างที่รู้กันในปัจจุบัน เราขาดออกซิเจนไม่ได้

แต่ไอ้เจ้าออกซิเจนนี้  มันไปตัดหางยีน (Gene) ทำให้เรามีอายุ และทำให้แก่ กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราบริโภคออกซิเจนมาก จะทำให้เราแก่เร็ว

หลักฐาน  ขอให้ดูนักวิ่ง นักวิ่งนี่จะแก่เร็วมาก 

ผมเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “อุษณีย์ เล่าปิ่นกาญจน์”ชื่อเล่น “จุ่น” นักวิ่งทีมชาติหลายปีมาแล้ว แต่เรียนกันคนละห้อง 

คุณจุ่นนี่ เวลาแข่งกีฬาสีที่วิทยาลัยครูนครสวรรค์  แกชนะผู้แข่งขันครึ่งสนาม

ในขบวนเพื่อนร่วมรุ่นกันนั้น  “จุ่น” ดูจะแก่กว่าเพื่อนทั้งหมด  เพราะ นักกีฬาวิ่งระยะสั้นนั้น  ใช้ออกซิเจนมากกว่าเพื่อน

ในความคิดเห็นของผม ซึ่งเป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกาย ผมขอยืนยัน “การฝึกสมาธิ” หรือ “การปฏิบัติธรรม”  เป็นเครื่องมือชะลอการแก่ได้ดีกว่า 6 อ. ของบทความนี้

การฝึกสมาธิจึงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่ทำให้อายุยืนขึ้น ส่งผลดีให้กับร่างกายทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะหน้าจะอ่อนกว่าวัยแต่เพียงอย่างเดียว

ในเวลาทำสมาธิ หัวจะเต้นช้ามาก  ฝึกมากๆ หัวใจเกือบจะไม่เต้น คือ เต้นช้ามาก  การที่หัวใจเต้นช้ามาก ก็ทำให้เราบริโภคออกซิเจนน้อยมาก

ที่ว่าร่างกายทั้งหมดอายุน้อยลง ผมนำมาจากงานวิจัยของฝรั่งที่ทำกับพระทิเบต  พระทิเบตอายุ 60-70 ปีนั้น  ตับไตไส้พุง เท่ากับคนอายุ 40 ปี เท่านั้น

โดยสรุป

ออกซิเจนทำให้เกิดอายุ เกิดความแก่ บริโภคมากก็แก่เร็ว ตายเร็ว  บริโภคน้อยก็แก่ช้า ตายช้า  การนั่งสมาธิทำให้เราบริโภคออกซิเจนน้อยมาก

ผลพวงอีกประการหนึ่งก็คือ “ความเครียด”  ความเครียดทำให้แก่เร็ว  การนั่งสมาธิทำให้มีความเครียดน้อยลง จึงช่วยลดความแก่ไปอีกประการหนึ่ง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น