บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

จอห์น ดี ร็อคกี้เฟลเลอร์


ผมไปพบบทความ “จอห์น ดี ร็อคกี้เฟลเลอร์ : ผู้เปลี่ยนเงินเป็นบุญ เปลี่ยนทุนเป็นธรรม” เห็นว่าเป็นบทความที่มีเนื้อหาดีๆ และไม่ค่อยมีคนรู้นัก  และคนที่นำมาเผยแพร่ต้องการให้เผยแพร่ต่อไป

ผมก็จึงนำเผยแพร่ต่อ โดยมิได้ดัดแปลงอะไรเลย ดังนี้

“John D. Rockefeller” (บิดา) มีเงินถึงหนึ่งล้านเหรียญเมื่ออายุเพียง ๓๔ ปี และเมื่ออายุ ๔๓ ปี ได้เป็นผู้ตั้งบริษัทผูกขาดในการค้าน้ามันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือ บริษัทน้ามันสแตนดาร์ดออยล์ (Standard Oil)

แต่พออายุ ๕๓ ปี สุขภาพของเขาเสื่อมโทรมมาก เพราะนิสัยชอบทุกข์ร้อนเคร่งเครียดของเขา ผู้เขียนประวัติของเขา คนหนึ่งกล่าวว่า เมื่อรอคกี้เฟลเลอร์อายุ ๕๓ ปี รูปร่างหน้าตาของเขาเหมือนมัมมี่เมื่ออายุ ๕๓ ปี เป็นโรคเครื่องย่อยอาหารพิการอย่างรุนแรงจนผมร่วง ขนตาและอื่นๆ ก็ร่วง ขนคิ้วเหลือเพียงหยอมแหยม

แพทย์บอกว่าที่เขาหัวล้านเช่นนี้ สืบเนื่องมาจากประสาทอ่อนกำลัง เขาสะดุ้งกลัวมาก จนเขาต้องสวมฝาครอบผ้าบางๆ ปิดศีรษะอยู่ตลอดเวลา ต่อมาเขาซื้อผมปลอมชนิดสีเงินมาสวม ราคาชุดละห้าร้อยเหรียญ และสวมผมปลอมต่อมาจนตลอดชีวิต

เดิมที รอคกี้เฟลเลอร์ เป็นผู้มีอนามัยดีแข็งแรงปราดเปรียว ครั้นพออายุได้ ๕๓ ปี ไหล่ของเขาตก เดินกระย่องกระแย่ง ทั้งนี้สืบเนื่องจากการท้างานหักโหมหนัก วิตกทุกข์ร้อนไม่รู้จักสิ้นสุด โมโหโทโสดุด่าไม่เว้นแต่ละวัน กลางคืนนอนไม่หลับ ขาดการบริหารร่างกายและพักผ่อนหย่อนใจ

ดูเถิด มหาเศรษฐีแท้ๆ ท้าไมจึงกลายเป็นผู้ไร้ความสุขไปได้

แม้ว่าขณะนั้นเขาเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่คนยากคนจนไม่อยากจะแตะต้อง รายได้ของเขาเวลานั้นตกสัปดาห์ละหนึ่งล้านเหรียญ แต่ค่าอาหารประจ้าวันของเขาทุกมื้อตกเพียงสัปดาห์ละสองเหรียญเท่านั้น

รอคกี้เฟลเลอร์ อยากให้คนทั้งหลายรักเขาแต่ปรากฏว่ามีคนชอบเขามีเพียงไม่กี่คน คนส่วนมากเกลียดเขา ไม่ต้องการติดต่อเกี่ยวข้องกับเขา ไม่ว่าในทางธุรกิจ หรือ ในทางใดๆ แม้น้องชายของเขาเองก็เกลียดเขา จนถึงกับพาลูกๆ ออกไปจากบ้านประจำตระกูล ซึ่งรอคกี้เฟลเลอร์สร้างขึ้น

น้องชายของเขาพูดว่า ฉันไม่ยอมให้สายเลือดของฉันต้องอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เป็นของเจ้ายอห์น.ดี.เสมียนพนักงานของเขาก็ไม่ชอบเขา หวาดกลัวเขาไปตามๆ กัน เพราะรอคกี้เฟลเลอร์เ ป็นคนขี้ระแวง เขาเป็นคนไว้วางใจมนุษย์ด้วยกันน้อยที่สุด

ปรากฏว่า ในบริเวณบ่อน้ามันต่างๆ ในรัฐเพ็นซิลเวเนีย รอคกี้เฟลเลอร์ เป็นคนที่ถูกเกลียดชังมากที่สุดในโลก คู่แข่งขันของเขา ซึ่งถูกท้าลายย่อยยับไปแล้วด้วยวิธีต่างๆ ต่างเคียดแค้นชิงชังเขา และอยากจะแขวนคอเขาเป็นที่สุด มีจดหมายแช่งชักหักกระดูกรวมทั้งขู่เข็ญ จะเอาชีวิตหลั่งไหลมาสู่ส้านักงานของเขานับไม่ถ้วน

เขาต้องการองครักษ์จ้านวนหนึ่งเพื่อป้องกันชีวิตลงท้าย เขาได้ประจักษ์ความจริงว่า ตัวเขาหนีความเป็นมนุษย์ไปไม่พ้น เขาไม่สามารถทนทานต่อความเกลียดชังของคนหมู่มาก ซึ่งอยู่รอบตัวเขา และไม่สามารถทนทานต่อความทุกข์ร้อนซึ่งมีอยู่ประจ้าได้

ผลก็คือ สุขภาพของเขาเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ เขาต้องเผชิญกับศัตรูใหม่คือความเจ็บป่วย อาการของเขา คือนอนไม่หลับ เครื่องย่อยอาหารพิการ จิตใจของเขา สุมอยู่ด้วยความทุกข์ร้อน กระสับกระส่าย

แพทย์ได้บอกความจริงกับเขาว่า ขอให้เขาเลือกเอาอย่างหนึ่ง คือ ธุรกิจการเงิน หรือ ชีวิต และจะต้องตัดสินใจเลือกอย่างรวดเร็วด้วย ถ้าเขาเลือกเอาชีวิตไว้ ขอให้เลิกงานด้านธุรกิจอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้น เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

เขาเลือกเอาชีวิตไว้ แพทย์ได้วางกฎ ๓ ข้อให้เขาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ
๑. อย่าวิตกทุกข์ร้อนในสิ่งหนึ่งสิ่งใดทุกๆ กรณี
๒. พักผ่อนด้วยการออกก้าลังกายขนาดเบากลางแจ้ง
๓. ระวังเรื่องอาหารประจ้าวัน อย่ากินเมื่อยังไม่หิว

รอคกี้เฟลเลอร์ ปฏิบัติตามกฎเหล่านี้

ผลก็คือ เขารอดตายเขาหยุดงานด้านธุรกิจแต่หันมาสนใจเรื่องของเพื่อนบ้านและเล่นกีฬาในร่มเล็กๆ น้อยๆ

ระหว่างที่ รอคกี้เฟลเลอร์ ทรมานจากโรคนอนไม่หลับ และหยุดงานธุรกิจแล้วนั้น เขามีเวลาเหลือเฟื่อที่จะคำนึงถึงสิ่งต่างๆ เขาเริ่มคิดถึงผู้อื่น เขาเลิกคิดถึงเรื่องการกอบโกยเงิน แต่เขากลับคิดว่าเขาจะต้องใช้เงินจานวนสักเท่าใด จึงจะสามารถสร้างความสุขให้ปวงมนุษย์ในโลกได้

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา เขาเริ่มบริจาคเงินจานวนล้านๆ เพื่อสาธารณกุศล

วิทยาลัยเล็กๆ แห่งหนึ่งบนฝั่งทะเลสาบมิชิแกน ซึ่งกำลังจะถูกธนาคารยึด แต่ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชิคาโกเพราะการช่วยเหลือของเขา โดยการบริจาคเงินหลายล้านเหรียญ เขาบริจาคเงินช่วยเหลือการศึกษาของชาวนิโกร

เขา เองอีกนั่นแหละ บริจาคเงินหลายล้านเหรียญในการปราบพยาธิปากขอจนหมดไปจากภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา

เขาได้ตั้งมูลนิธิอันยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลก นั่นคือ รอคกี้เฟลเลอร์มูลนิธิ (Rockefeller Foundation) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ และเพื่อความสุขสวัสดีของปวงมนุษย์ทั่วโลก

ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ว่าจะมีองค์กรใด ได้บำเพ็ญประโยชน์แก่มนุษย์อย่างกว้างใหญ่ไพศาลเหมือนรอคกี้ เฟลเลอร์ มูลนิธิรอคกี้ เฟลเลอร์ (Rockefeller Foundation)

มูลนิธิ เป็นสิ่งแปลกและใหม่ของโลก เขาให้ทุนเพื่อการศึกษาค้นคว้าสิ่งต่างๆ มากมายรวมทั้งในวงการแพทย์ด้วย เราต้องขอบคุณเขาในเรื่องยาหลายชนิด เช่น เพนนิซิลิน ยาในการรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เขาร่วมบริจาคในการต่อสู้ท้าลายโรคมาเลเรีย วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคคอตีบ และโรคอื่นๆ อีกมาก ซึ่งระบาดอยู่ทั่วโลก

สาหรับรอคกี้เฟลเลอร์เอง ได้รับผลจากการปฏิบัติเช่นนั้นของเขาอย่างดียิ่ง คือได้รับสันติสุขทางใจอย่างล้นเหลือ ได้รับความยกย่องนับถือไปทั่วโลก

ยอห์น. ดี. รอคกี้เฟลเลอร์ ผู้ซึ่งกาลังจะตายเมื่ออายุ ๕๓ ปี กลับเป็นผู้มีอายุยืนถึง ๙๘ ปี อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เพราะ เขาได้เปลี่ยนชีวิตของเขา จากความหน้าเลือดเห็นแก่ได้ เอารัดเอาเปรียบ มาเป็นผู้เสียสละ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อความสุขของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และ ตัวเขาเองก็กลายเป็นผู้มีความสุข ความสงบแห่งจิต

เขาเปลี่ยนคนเกลียดชังให้รักใคร่ เพราะเขาเปลี่ยนแปลงแนวคิด การกระทาของเขาก่อน รวมความว่าเปลี่ยนแปลงตัวเขาเอง ทำตัวเขาให้เป็นประโยชน์แก่คนทั้งหลาย ทาความดีและเพิ่มพูนความดีอยู่เรื่อยๆ

ความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริงอยู่ตรงนี้...

ไม่รู้ว่าคนที่นำมาเผยแพร่ ต้องการให้คุณทักษิณได้อ่านเรื่องนี้ หรือเปล่าก็ไม่รู้.........



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น