บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

โพวา บำบัดโรคทางไกลด้วยพลังจิต


นิตยสาร มติชน รายสัปดาห์ ฉบับวันที่  ๑๗ –  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๗ ปีที่  ๓๔ ฉบับที่ ๑๗๔๔ มีบทความชื่อ “โพวา  บำบัดโรคทางไกลด้วยพลังจิต”  เขียนโดย นายแพทย์ บรรจบ  ชุณหสวัสดิกุล  มีเนื้อหาที่น่าสนใจและควรวิพากษ์วิจารณ์กัน 

ข้อมูลนี้ ผมไม่ได้อ่านจากนิตยสารมติชนเอง แต่อ่านมาจากเว็บ kumarnthongclub - กุมารทอง คนรักกุมารทอง ชมรมคนรักกุมารทอง

เนื้อหาก็เป็นดังนี้

คุณนที อดีตเพื่อนของผมตั้งแต่เรียนอยู่สมัยมัธยม  ได้มีการติดต่อกับบ้างเป็นครั้งคราว  ในระยะหลังที่มีพบปะสรรสรรค์เพื่อนนักเรียนเก่า สุขภาพของนที ก็นับว่าดีปานกลาง  มีแต่ก็เพียง ไขมันสูงบ้าง น้ำหนักเกินบางเท่านั้น

เจอกันทีไร ผมก็มักจะแนะนำให้เขา ปรับเปลี่ยนการเลือกรับประทานอาหาร ซึ่งบางครั้งผมแนะนำให้เขาลด ละ การกินข้าวและผลไม้ แต่ให้หันมากินเสต็กเนื้อสันบ้าง กับผักเยอะๆ  ซึ่งเขาก็เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง

แรกๆ นทีมันก็บอกว่าผม เปี๋ยนไป่  แต่พอไดลองทำตามที่ผมแนะนำเข้าหน่อย  เขาก็ลดทั้งน้ำหนักตัว และลดไขมันเลือดลงได้ โดยทิ้งยาลดไขมันไปได้ทั้งหมด 

เมื่ออาทิตย์ก่อน เขาได้มาปรึกษาผม เนื่องจากว่า ตอนนี้เขาเป็นหวัดลงคอ ซึ่งมีอาการเป็นมาก่อนช่วงปีใหม่  จนสัปดาห์กว่าแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

ซึ่งหลายท่านก็น่าจะจับสังเกตไดว่า ก่อนหลังปีใหม่ที่ผ่านมา  อากาศในกรุงเทพฯ  เปลี่ยนแปลงเร็วมาก  ทำให้โรคหวัดระบาดกันอย่างรวดเร็วทุกครัวเรือน

ผมได้รักษาคุณนทีไปตามระเบียบด้วย โฮมีโอพาธีย์กับการหยอดวิตามินซีระดับสูงเข้าเส้น  ซึ่งก็ได้ผลพอประมาณ

แต่แล้ว เมื่อสามคืนก่อน คุณนทีก็โทรมาหาผมในช่วงหัวค่ำ  ด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน  ก็ไม่ถือสาอะไรกันอยู่แล้ว

นทีบอกว่า “หวัดที่นายรักษาเรานะ  กำลังจะหายดีอยู่เทียว แต่หัวค่ำนี้ รู้สึกว่ามีอาการไอมาก” เขาโทรมาด้วย ไอไปด้วย ให้ผมได้ยินทางโทรศัพท์กันเลยทีเดียว

“ไอขนาดที่ว่า นอนนิ่งๆ แม้แต่การหายใจ ลมหายใจที่ผ่านหลอดลมก็ทำให้คันคอ และไออุตลุต”

ครับ นี่เปนเรื่องที่เป็นไปได้อย่างยิ่ง  ซึ่งคนที่หายหวัดไปแล้วแต่ยังคงมีอาการคันคอ  ขนาดที่พูดนิดเดียวก็ไอ หายใจแรงๆ ก็ยังไอ 

นี่เป็นภาวะไวเกินของเซลล์ขนที่โบกปัดอยู่ในหลอดลม   จึงระคายเคืองไปหมด แม้แต่ลมหายใจที่ไหลผ่าน

 “ทำอย่างไรดีละ นี่ก็ค่ำแล้ว  แท้ที่จริง โฮมิโอร์พาธีย์ สารบำบัดที่ใช้รักษาโดยตรง แต่ก็เหลือวิสัยที่จะจัดยาให้ได้ในตอนนี้” ผมนึกในใจ

แต่อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติบำบัดตั้งอยู่บนวิธีธรรมชาติที่ใช้จัดการกับผู้ป่วย ไม่ว่าในสถานการณ์ใหนนักธรรมชาติบำบัดย่อมมีหนทางออกเสมอ”

ก่อนอื่น ผมนึกถึงการแพทย์มนุษยปรัชญา ซึ่งวิเคราะห์โรคด้วย ลักษณะดินน้ำลมไฟ  เพียงแต่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  physical body   ‘etheric body  ‘astral body  ‘และ ego  organization  

วิชานี้บอกว่าอาการไอหลังหวัด เป็นเพราะว่า ธาตุลมแปรปรวน ไม่สมดุล  มักเกิดขึ้นในจังหวะที่ ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนตอนปลายฝนต้นหนาว ซึ่งลมบนผิวโลกจะแปรปรวนง่าย

แถมบอกอีกว่า คนที่จะมีอาการนี้มักจะเป็นคนธาตุลม  คือคนค่อนข้างสูง  ลมในกระเพาะเลยเยอะ เวลาหลังเป็นหวัด ก็มักจะมีอาการหลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรังในลักษณะนี้

วิชานี้บอกให้ใช้การประคบด้วยมะนาว  โดยต้มน้ำอุ่นหั่นมะนาว เป็นแว่นๆ  ใส่ลงไป  แล้วก็ให้ใช้ผ้าห่อชิ้นมะนาวกับน้ำอุ่นๆ หลังจากนั้น ก็นำไปห่มที่ลำคอ  และประคบที่หน้าอกด้วยผ้าอุ่นๆ

ผมบอกคุณนที ทางโทรศัพท์  ให้ภรรยาของเขา ช่วยจัดการประคบลำคอ  และหน้าอกด้วยมะนาวตามที่ผมได้แนะนำไป  แต่นั่นก็ยังไม่น่าจะเพียงพอ ที่จะแก้เกมอาการเฉียบพลันของเขา 

ถึงตอนนี้ ผมนึกถึงการรักษาโรค ด้วยการส่งจิตทางไกล  แต่ไม่ใช่วิชา พลังจักรวาล อย่างที่หลายคนอาจจะนึกถึงนะครับ

ผมเลือกใช้ วิธี  “โพวา”  ร่วมกับการใช้คาถาบำบัดโรค  เป็นสองวิธีที่มาประสานเป็นหนึ่งเดียว

จับที่หลักการโพวาก่อน  โพวา เป็นกระบวนการรักษาโรคด้วยพลังบำบัดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เป็นวิธีการของ พุทธวัชระมหายาน ในทิเบต  ใช้ช่วยบำบัดผู้ป่วย ทั้งเบาและหนัก  ถึงขึ้นใช้จิตส่งผู้ป่วยก่อนตายได้

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ซึ่งเผยแพร่เรื่องนี้อธิบายว่า

โพวา เป็นวิธีที่ช่วยดึงเอาพลังส่วนที่ดี ซึ่งมีกันอยู่ทุกคนให้เบ่งบาน  เพิ่มปัจจัยด้านที่เป็นกุศลในจิตของผู้ป่วย ทั้งนี้ โดยพึ่งพาพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนผู้นั้นนับถือให้แผ่เข้ามาช่วยผู้ป่วย 

ถ้าเป็นชาวพุทธ ก็จะเรียกว่า อาศัยอำนาจ พระรัตนตรัย หรือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาช่วย นั่นเอง

ถ้าเป็นบุคคลศาสนาอื่นๆ  ก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาสนานั้นๆ  การทำโพวาทำได้ ทั้งโดยผู้ป่วยเอง  หรือมีผู้อื่นที่ดูแลอยู่ทำให้ก็ได้ 

หลักการของวิธีนี้ก็คือ  ให้ผู้ป่วยนอนสงบ  ผ่อนคลายร่างกาย  ผ่อนคลายจิตใจ  อาจจินตนาการเองหรือผู้ดูแลพูดจาโน้มนำให้จินตนาการโดยให้เห็นว่า กำลังนอนพักผ่อนอย่างสบายในท่ามกลางธรรมชาติที่อบอุ่น และ โล่งโปร่ง สบาย 

จากนั้น กำหนดลมหายใจจากจมูกจนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งทรวงอก

ขั้นต่อไป  ก็กำหนดเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลอยอยู่ในท้องฟ้าเบื้องหน้าแล้ว ใกล้เข้ามา  รัศมีสีขาวนวลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แผ่เข้ามาครอบคลุมร่างของผู้ป่วย 

ทำให้เกิดการบำบัดรักษาตั้งแต่ระดับโมเลกุล  เซลล์น้อยใหญ่  อวัยวะและระบบอวัยวะภายในของผู้ป่วย  และสูงขึ้นไปถึงขั้นเพิ่มพลังชีวิต  จิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วย  จนขาวสะอาด

กระทั่ง อาสวะกิเลสทั้งหลายถูกปอกลอกออก เหลือแต่ โพธิจิต ที่สุกสกาว จนสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเลื่อนลอยจางหายไป

แน่นอนว่า ผู้ที่กำลังเจ็บป่วย อยู่อาจทำให้ตัวเองได้ยาก  แต่ผู้ดูแลที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้ว  ก็สามารถจะทำให้ผู้ป่วยเองได้ ถ้าผู้ทำให้ มีพื้นฐานด้านสมาธิ การเจริญสติ  มีจิตใจที่บริสุทธิ์สะอาด เป็นบาทฐานอยู่ ก็จะทำได้ประสิทธิผลยิ่งกว่า

และเหนือสิ่งอื่นใด  ถ้าผู้ทำที่มีความชำนาญ ไม่เพียงทำ โพวาให้กับผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น  แต่ยังอาจทำโพวาด้ายการส่งจิตทางไกลได้อีกด้วย

ต้องยอมรับว่า ผมไม่ใช่ผู้ชำนาญ  แต่ในสถานการณ์ที่เพื่อนกำลังเจ็บป่วยอยู่ที่บ้าน และโทรศัพท์ มาให้ช่วยในขณะนั้น  ถ้าผมจะลองทำโพวา ด้วยการส่งจิตทางไกลก็คงไม่เสียหายอะไร

อย่างไรก็ตาม  ในเวลาคับขันอย่างนั้น ถ้าผมจะบอกว่า ผมจะทำโพวาให้  คุณนทีก็คงจะงงๆ คงต้องเสียเวลาคุยให้ฟังอย่างยาวนาน ย่อมไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

เห็นที ผมจะต้องแอบทำให้จากที่บ้านของผม ส่งไปให้เพื่อนที่นอนป่วยอยู่ในบ้านของเขาก็แล้วกัน

ที่นี้ การทำโพวา อย่างน้อยผู้ป่วย จะต้องมีภาวะจิตที่นิ่งพอสมควร  ผมจึงขอดึงเอาวิธีที่สองเข้ามาเสริมกัน นั่นคืออาการให้เพื่อนท่องบทสวดมนต์ อาจจะเรียกว่า คาถาบำบัดโรคอย่างสั้นๆ  เพื่อเข้ามาช่วยดึงจิตของเขาให้สงบนิ่ง  ทำให้จิตพร้อมแก่การรับพลังจากการบำบัดด้วยโพวา

อนึ่งคาถาบำบัดโรคของครูบาอาจารย์แต่ละองค์ย่อมมีอานุภาพอยู่ในตัวเองด้วย เป็นอันว่าคุณนทีน่าจะใช้วิธี ทู อิน วัน two in one  บวกกันเข้าไป

“นที  ตอนนี้นายนอนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ นะ  ทำจิตให้นิ่งๆ ก็แล้วกัน” ผมบอกไปทางโทรศัพท์  “ที่นี้ไออยู่ จำให้ทำจิตนิ่งๆได้อย่างไร ผมเลยให้นทีสวดมนต์แทนก็แล้วกัน มีคาถารักษาโรคอยู่บทหนึ่ง ของพระอาจารย์ อาระยะวังโส สั้นๆ ง่ายๆ ว่าตามกันนะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะน
อะระหัง พุทธโธ อิติปิโส ภะคะวา นะ เมตตะ จิตตัง

สั้นๆ แค่นี้ ท่องไปเรื่อยๆ ผมแนะนำ นที

จบจากนั้นผมวางหูแล้วก็เริ่มทำ โพวา ส่งจิตไปให้คุณนที  เป็นเวลาสักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้  แล้วผมก็เข้านอน โดยไม่คิดว่าจะต้อง โทรไปสอบถามรบกวนเขาอีก

รุ่งขึ้น ตอนสายๆ คุณนทีโทรมาหาบอกว่า “วิธีนายได้ผลอย่างยอดเยี่ยมเลยแหละ  เมื่อคืน พอผมนอนท่องคาถาไปเรื่อยๆ

ตอนแรกๆ จิตใจก็แส่ส่ายไปมา เพราะว่า มันมีอาการไอและคันคอรบกวนอยู่ สักพักใหญ่ ผมรู้สึกว่า เหมือนจิตตก เข้าไปอยู่ในสถานที่สถานที่หนึ่ง ซึ่งสงบมากๆ  นิ่งๆ สงบๆ แสงนวลๆ  ลมหายใจเบาๆ สบายมาก  

เป็นความสบายที่บอกไม่ถูก  ไม่มีอาการละคายคออีก  ไม่ไอ หายใจโล่งขึ้น  ผมเฝ้าอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร ไข้ที่มีอยู่ ก็คลายลงเหงื่อออก เสมหะใสๆ พอให้กลืนได้ ไม่ลำบาก ผมอยู่กับความสบาย นั้นจนหลับไปในที่สุด และหลับไปตลอดคืน

 เช้านี้อาการหายไปกว่า เก้าสิบเปอร์เซ้นเลยที่เดียว” เขากล่าวให้ผมฟังอย่างดีใจ

ครับ โพวา เป็นอีกวิธีหนึ่งของธรรมชาติบำบัด ซึ่งผมตั้งใจจะถ่ายทอดอบรมให้กับผู้ที่เป็นญาติผู้ป่วยนำไปใช้บำบัดรักษาโรค จากง่ายไปหายาก

คำวิพากษ์วิจารณ์สำหรับบทความนี้ของผมก็คือ วิชาธรรมกายรักษาโรคได้ดี ได้ง่าย อยู่ใกล้ตัว ศึกษาได้ตลอดเวลา  

พวกนี้ไม่สนใจ แต่ไปสนใจของนอก ซึ่งเป็นของมหายานอีกด้วย

พวกมหายานนี่ พระพุทธเจ้าไม่ทรงนับว่าเป็น “ภิกษุ” ในศาสนาของท่าน  เป็นเพียงฆราวาสเท่านั้น และเป็นฆราวาสที่เป็น “สีลัพพตปรามาส” อีกด้วย

การรักษาด้วย “โพวา” นั้น  คนพวกนี้ ไม่รู้ว่าหายเพราะอะไร  แต่รู้ว่า “หาย” จากอาการโรคที่เป็นอยู่ ในทางวิชาธรรมกายนั้น เรารู้ด้วยว่า ทำไมคนเป็นโรค และโรคหายไปได้อย่างไรอีกด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น