ที่เธอพูดนั้น
ก็ถูกต้องเหมาะสมแล้ว เพราะ ผู้นำของเมืองไทยในตอนนี้ มันก็โคตรโง่กันจริง
โง่กันเป็นคณะ
แต่วันนี้
ไม่ได้มาพูดเรื่องนั้น จะมาพูดเรื่องวิธีฝึกสมอง 9 ประการของหนูดี
ดังนี้
1. จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์
เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ
ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก
แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ
|
2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน
ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ
แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย
ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม
น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
|
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที
เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Thet a ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ
ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์
(ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน)
|
4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่า นี่คือสิ่งที่ต้องเกิด
ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น
ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ
เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
|
5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน
ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ
|
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่
คุยกับเพื่อนร่วมงาน และเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯ
เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟินและโดปามีน
ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
|
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง
ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเองเป็นการลดภาระของสมอง
|
8. เขียนบันทึก Graceful Journal
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น
ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี
ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข ฯลฯ
เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก
พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย
มีความคิดสร้างสรรค์
|
9. ฝึกหายใจลึกๆ
สมองใช้ออกซิเจน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย
การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง
ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น
ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่
สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
|
ที่จะกล่าวถึงและจะแนะนำกันในวันนี้ มี 3 ข้อ คือ ข้อ 3 ข้อ 9 และ ข้อ 7
ข้อ
3 หนูดีแนะนำให้ “นั่งสมาธิวันละ 12 นาที”
แต่เธอคงหมายถึงการนั่งสมาธิทุกแบบที่มีในโลกนี้ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงลงไป ผมจะมาแนะนำในกรณีที่เป็นวิชาธรรมกาย
ผมในฐานะที่เป็นวิทยากรสอนวิชาธรรมกาย
คุณลุงการุณย์ บังคับว่า ให้ทำ “วิชา 18 กาย”
อย่างน้อย 2 ครั้ง คือ ก่อนนอนกับตื่นนอน
การทำวิชานั้น
ก่อนนอนทำท่าไหนก็ได้ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน แต่ส่วนใหญ่เราจะทำกันในท่านั่งสมาธิ
แต่ตื่นนอนนั้น เมื่อรู้สึกตัวก็ทำเลยในท่านอนนั้น ไม่ต้องลุกขึ้นมาทำ
ดังนั้น
ในกรณีที่เป็นคนทั่วไป เมื่อตื่นนอนแล้ว ก็ควรทำเลย ดังนี้ คือ นึกดวงใสเข้าไปที่จมูก ผู้หญิงข้างซ้าย
ผู้ชายข้างขวา
ต่อไปก็นึกไปที่เพลาตา
(หัวตา) แล้วก็ไปที่กลางศีรษะ แล้วก็ไปที่ฐานที่ 7 ตรงเหนือสะดือ 2
นิ้วมือเลย
นึกให้ดวงใสสว่างอยู่ตรงนั้น สำหรับคำภาวนานั้น เป็นคำอะไรก็ได้
ที่ทำให้ใจเราอยู่กับดวงใสก็แล้วกัน
ทำไปจนรู้สึกว่า
ควรจะไปทำงานหรือไปเรียนได้แล้ว ก็ลุกไปทำกิจธุระประจำวันของเรา
ต่อไปเป็นข้อ
9 ที่ว่า “ฝึกหายใจลึกๆ”
ข้อนี้ก็เหมือนกัน ในระหว่างเรียน ระหว่างทำงาน เมื่อมีเวลาว่าง
ก็นึกถึงดวงใสเข้าไปตามฐานที่ 1-2-3 และ 7
คำภาวนาก็แล้วแต่จะท่อง
ลองสังเกตดู
ลมหายใจของเราจะลึกขึ้นเรื่อยๆ
หายใจเบามาก จากประสบการณ์ของผมเอง
ยุงบินเข้าจมูกบ่อยมาก
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ
เราหายใจลึกมาก จนกระทั่งปอดเกือบจะไม่ทำงาน ลมหายใจเข้าออกเอง
ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยมาก
ยุงนั้น
มันจะบินหาคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อออกซิเจนเข้าน้อย คาร์บอนไดออกไซด์ก็ออกน้อย
ยุงมันจึงบินเข้าจมูกไปเลย ผมก็ต้องจามออกมา
ตรงนี้หนูดีบอกว่า
ให้สูดหายใจแรงๆ แต่ผมว่า
ทำอย่างที่ผมแนะนำ ลมหายใจเข้าลึกกว่า ได้ผ่อนคลายมากกว่า
สำหรับข้อที่
7 ที่ว่า “ให้อภัยตัวเองทุกวัน” นั้น ผมมีข้อแนะนำจากวิชาธรรมกายคือ ให้ลืมไปเลย
ความชั่ว ความผิดที่เราทำไปนั้น
ไม่ว่าจะตั้งใจ ไม่ตั้งใจ
ให้อภัยตนเองแล้ว
ก็ลืมไปเลย อย่าไปนึกถึงมันอีก
ถ้าไม่ทำอย่างนั้น
เมื่อเวลาใกล้ตาย อาจจะซวยทำให้ “หลงตาย” ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น